เรื่องของแผลเป็นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนกังวลในใจ หากแผลเป็นแบบจางๆ ไม่เด่นชัดก็ไม่คิดอะไรมาก แต่หากเป็นแผลเป็นที่อยู่บนใบหน้า ก็ทำให้เรานั้นขาดความมั่นใจได้เช่นกัน หลายคนจึงสรรหาวิธีที่จะช่วยลดรอยแผลเป็นให้ดูจางลง เพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งเรื่องของการลดรอยอผลเป็นนั้นก็มีทั้งทายาไปจนถึงวิธีทางการแพทย์เลย
แผลเป็นนั้น เป็นแผลที่เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายที่มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย และเมื่อเวลาผ่านไป คอลลาเจน นั้นก็ยังคงผลิตอยู่และมีเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้เกิดอาการบวมแดงและนูนขึ้นได้ สำหรับแผลเป็นนั้นมีอยู่หลายชนิด ถ้าเป็นแผลเป็นทั่วไปก็จะมีสีแดงหรือคล้ำนูนขึ้นมาและจะค่อยๆจางหายไปตามเวลา และต่อมาเป็นแผลเป็นแบบคีลอยด์ที่เกิดจากการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อของแผลนั้นเติบโตและขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินแผลเดิม ต่อมาคือ แผลเป็นนูน ก็คล้ายแผลเป็นแบบคีลอยด์แต่ว่าจะไม่มีการขยายตัวของแผลเหมือนคีลอยด์ และยังมีแผลเป็นจากไฟไหม้ที่ค่อนข้างเป็นอันตรายและอาจส่งผลต่อระบบประสาท ต่อมาแผลเป็นแบบหลุมลึกอาจจะเกิดจากสิวที่อักเสบ รุนแรงหรือจากโรคอีสุกอีไสทำให้เป็นหลุมลึก
ซึ่งแนวทางการรักษานั้นก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของแผล อย่างเช่นการใช้แผ่นเจลซิลิโดยกดหรือแปะที่แผลเป็นเวลา 12 ชั่วโมง 3 เดือนต่อเนื่องกัน ต่อมาการใช้แผ่นผ้าสำหรับแปะกดก็จะใช้เวลาในการปะ 6-12 เดือน ซึ่งมักใช้กับแผลไฟไหม้ และคราวนี้ก็เป็นกระบวนการทางการแพทย์ อย่างเช่น การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ก็จะเหมาะกับแผลหลุมเพราะว่าจะทำให้แผลเนียนเรียบขึ้นได้ รวมทั้งการฉีดฟิลเลอร์ด้วย แต่ว่า ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆและมีราคาแพง และหากอยากให้หายไวๆส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้ยาทาลดรอยแผลเป็น ด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อได้เลยตามร้านขายยาทั่วไป และมีหลายสูตรให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่ก็จะสกัดมาจากสมุนไพรนั่นเอง ส่วนยากินส่วนใหญ่จะทานในรูปของวิตามินหรือเป็นไปตามที่แพทย์สั่ง
การรักษาแผลเป็นนั้นไม่ว่าจะใช้ครีมทาหรือว่าจะทานยาก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ หากเป็นไม่มากอาจจะแค่ใช้ครีมทาหรือว่า ถ้าเป็นมากอาจจะใช้สองอย่างควบคู่กัน จึงตอบไม่ได้ว่าใช้อย่างไหนดีกวากัน เพราะว่าขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยแผลเป็นมากกว่า อาจจะใช้วิธีการไดวิธีการหนึ่งแล้วหาย หรือว่าต้องใช้ควบคู่กันถึงจะหาย เป็นต้น