ฝ้า (Melasma) เป็นสภาพผิวหน้าของใบหน้า ที่มีปื้นเป็นสีคล้ำ ซึ่งปรากฏเป็นหย่อมอยู่บนใบหน้า รอยคล้ำเหล่านี้มีขอบเขต เริ่มเป็นใหม่ๆ มักจะเป็นแค่ดวงเล็กๆ ซึ่งค่อยๆ เข้มขึ้นและขยายขนาดออกไปช้าๆ โดยใช้เวลานานเป็นเดือนหรือเป็นปี ฝ้าสามารถเป็นเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และอาจลามกระจายไปทั่วใบหน้าได้
ชนิดของฝ้าแบ่งออกตามความลึกตื้น แบ่งได้เป็น 3 ชนิด
1. ฝ้าชั้นหนังกำพร้า (ฝ้าตื้น)
2. ฝ้าในชั้นหนังแท้ (ฝ้าลึก)
3. ฝ้าผสม
ปัญหา ที่พบในผู้หญิง ที่ทำให้ผู้หญิงมีความกังวลมาก และรักษายากที่สุด คือฝ้าในชั้นหนังแท้ (ฝ้าลึก) ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากฮอร์โมน ที่ทำให้การสังเคราะห์เม็ดสี ที่ผิวชั้นหนังแท้ผิดปกติ เนื่องจากการอ๊อกซิไดต์จากเอ็นไซม์บางตัว คือ ไฮโรซิเนสและโดป้า หรือ แอสโตเจนและโปรเจสเตอโรนกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้สร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถูกแสงแดด ฝ้าลึกเหล่านี้ยังมีเส้นเลือดคอยลำเลียงอาหารให้อยู่ มีใช้เลเซอร์ที่ผิดชนิดขุดเจาะออกก็จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวใหญ่ขึ้นและ เพิ่มปริมาณมากขึ้น จึงมีขนาดเข้มขึ้นและขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย
สาเหตุของการเกิดฝ้ามีหลายปัจจัยแต่สาเหตุหลักๆ มีดังนี้
1. แสงแดด ในปัจจุบันแดดมีรังสี UV หรือรังสีอัลต้าไวโอเล็ต ซึ่งรังสียูวีนี้จะกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซด์ สร้างเม็ดสีเมลานินโดยตรงบริเวณนั้นจะเกิดสีผิวที่เข้มขึ้น ทำให้บริเวณนี้มีสีผิวที่คล้ำขึ้น เกิดเป็น กระ ฝ้า
รังสี UVA เมื่อสัมผัสที่ผิวหนัง จะทำให้เม็ดสีเมลานินบริเวณที่รับแสงนั้นเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุของการเกิด กระ ฝ้า จุดด่างดำ และยังทำให้เกิดริ้วรอยได้อีกด้วย
รังสี UVB เมื่อสัมผัสโดนผิวหนังและได้รับแสงแดดมากๆ จะทำให้เกิดอาการบวมแดง เมื่อรับเป็นจำนวนมากอาจทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้
2.เกิด จากการใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด ยาแก้อักเสบเช่น เตตระไซคลิน เพราะยางจะไปกระตุ้นเพื่อให้ผิวหนังไวติอแสงแดด จึงทำให้เกิดฝ้า
3.การ ตั้งครรภ์ เพราะฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น จึงทำให้เกิดฝ้าขึ้น แต่หลังจาก 3 เดือนแรกก็จะทุเลาลง เนื่องจากฮอร์โมนเข้าสู่ภาวะปกติ
4.ใช้ครีมที่มีส่วนประกอบของ ไฮโดรคลิโนน ปรอท เป็นต้น สารจำพวกนี้จัดว่าเป็นสารต้องห้ามในเครื่งสำอางเมื่อรับในปริมาณมากๆอาจเกิด ผลเสีย คือเป็นฝ้าถาวร หน้าด่างขาว และเป็นถาวร
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาผิว ฝ้า กระ และ จุดด่างดำ
1.หลีก เลี่ยงแสดงแดด โดยใช้ครีมกันแดด ประเทศไทยเราแดดแรงมากดังนั้นควรที่จะเลือกค่า SPF หรือ Sun Protection Factor ซึ่งเป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องแสงแดด และวิธีการทาที่ถูกควรใช้ครีมกันแดดในปริมาณเท่ากับเหรียญบาท แล้วทาบริเวณใบหน้าให้ทั่วไปถึงลำคอ
วิธีการคำนวณค่า SPF
ค่า SPF x 15 = ระเวลาที่จะปกป้องแสงแดดเป็นนาที (sec.)
เช่น ครีมกันแดด spf 30
30 x 15 = 450 นาที , 7 ชั่วโมง 30 นาที
ซึ่งกันแดดของจะปกป้อง 7 ชั่วโมง 30 นาที ถึงจะเกิดอาการแสบ คัน หรือบวมแดง ได้
2. ใช้ผลิตภัณฑ์มี่ส่วนผสมของ Alfa arbutin ซึ่งมีการยับยั้งเม็ดสีเมลานินได้ดี และปรับสภาพผิวให้แลดูกระจ่างใสได้อกด้วย
3.ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ Glycolic acid จะทำให้บริเวณที่เป็น กระ ฝ้า ดูจางลด โดยใช้ไม่เกิน 10 % ถ้ามากกว่านั้นอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังไหม้เมื่อสัมผัสกับแสงแดดได้
4. ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดรากชะเอมเทศ (Licorice Extract) ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน ยับยังเอนไซน์ไทโรซิเนส ซึ่งจะทำให้เกิดฝ้า บรรเทาการอักเสบได้
5. ถ้าเป็นฝ้าลึกควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยวิธีดังนี้ IPL ,Q-Swiss เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ฝ้าที่ไม่สามารถใช้ครีมรักษาได้ และทำให้และดูจางลงโดยใช้เวลาไม่นาน
เมื่อเรารู้แล้วว่า ฝ้า-กระ เกิดจากอะไร และรู้ถึงการรักษาและวิธีการป้องกันแล้ว เราก็สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเอง เพื่อผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใสแบบไร้ฝ้า-กระ ให้ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป
รับสิทธิพิเศษเมื่อสั่งสินค้าทางไลน์ จำนวนจำกัด รีบๆ กันหน่อยน่ะค่ะ