การอยู่ร่วมกันมากกว่าหนึ่งคนย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกในครอบครัว พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยาที่อาจมีทัศนคติและค่านิยมที่แตกต่างกันได้ อันนำมาสู่ปัญหาที่หลากหลาย ถ้าต่างฝ่ายต่างยึดถือทัศนคติและค่านิยมของตนโดยไม่ยอมฟังกัน อย่างไรก็ตามทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไขหลายทาง วันนี้เรามีวิธีการแก้ไขปัญหาสมาชิกในครอบครัวมีทัศนคติและค่านิยมที่แตกต่างเพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก มาติดตามกันเลย
1.รับฟังทัศนคติและค่านิยมของสมาชิกในครอบครัว
ก่อนอื่นเลยควรรับฟังทัศนคติและค่านิยมของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่ามีความแตกต่างกัน อาจถึงขั้นเกิดความขัดแย้งกันเลยก็ได้ดังจะเห็นจากข่าวบ่อย ๆ เกี่ยวกับทัศนคติของคนในครอบครัว เช่น ทัศนคติและค่านิยมของแม่กับลูกชาย ลูกสาวหรือสามีกับภรรยาซึ่งถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันก็จะเกิดความบาดหมางกันถึงกับมองหน้าไม่ติด เสียความรู้สึกหรือถึงขั้นตัดขาดกันไปเลย ความเข้าใจกัน พูดคุยกันด้วยเหตุผล ลดทิฐิส่วนตัวพบกันครึ่งทางก็จะทำให้ได้รับความพอใจด้วยกันทุกฝ่ายอันจะทำให้เกิดความกลมเกลียวในครอบครัว ดีกว่าต่างคนต่างไม่ฟังกันทำให้เกิดปัญหาตามมายากเกินเยียวยา
2.สนับสนุนทัศนคติและค่านิยมหากเป็นไปเพื่อความก้าวหน้าและความสุข
บางทีเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าทัศนคติและค่านิยมของสมาชิกในครอบครัวเป็นสิ่งที่ควรคัดค้าน เพราะไม่ตรงกับทัศนคติและค่านิยมของเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่า เราอาจให้เวลาพวกเขาพิสูจน์ทัศนคติและค่านิยมว่าก่อให้เกิดผลดีมีความก้าวหน้าดีต่อชีวิตหรือไม่ เพราะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้และเมื่อพวกเขามีประสบการณ์ที่ไม่ดีเขาอาจจะปรับทัศนคติและค่านิยมใหม่อย่างนี้จะง่ายกว่าการเข้าไปห้ามในขณะที่ยังไม่เริ่มต้น
3.ยอมรับความแตกต่างและการตัดสินใจของสมาชิกในครอบครัว
ถึงแม้สมาชิกในครอบครัวอาจจะอายุยังน้อยแต่มีทัศนคติและค่านิยมที่แตกต่างจากเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ เราก็ควรยอมรับว่าคนเราจะให้คิดเหมือนเราหมดคงเป็นไปไม่ได้ นอกจากเขาจะได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเอง และพบว่าค่านิยมและทัศนคติใหม่นั้นดีกว่า ซึ่งเวลาจะช่วยให้เจ้าของทัศนคติเข้าใจและตัดสินใจว่าควรเปลี่ยนทัศนคติตามคำแนะนำจากคนในครอบครัวหรือไม่อย่างนี้จะไม่เกิดความกระทบกระทั่งจนหมางใจกันแม้เป็นคนในครอบครัวก็ตาม
เชื่อว่าทุกคนต้องการเป็นคนดีทุกคนต้องการความเจริญก้าวหน้ามีความสุข การที่คนในครอบครัวมีทัศนคติและค่านิยมที่แตกต่าง คนในครอบครัวอาจรู้สึกเป็นห่วง และคาดการณ์ถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นในทางไม่ดี ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในปัจจุบัน เช่น การเลือกคู่ของบุตรธิดา พ่อแม่ก็ต้องเป็นห่วงเป็นของธรรมดา แต่บางครั้งเรื่องของหัวใจลูกเลือกแล้วก็อาจจะต้องอาศัยการยอมรับและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่พ่อแม่พูดนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ถ้าลูกคิดว่าพ่อแม่กีดกันไม่สนับสนุนก็อาจเกิดปัญหาทุกข์ใจกันไปทั้งหมดตามมาได้
ทัศนคติและค่านิยมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ถึงแม้จะเติบโตมาภายในครอบครัวเดียวกันก็ตาม เพราะโลกเรากว้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีทำให้ได้รับข้อมูลจากโลกภายนอกเข้ามาทุกวัน กว่าจะมีทัศนคติและค่านิยมที่สามารถยึดถือมาใช้ในชีวิตจนเกิด