สครับ คือ การขัดผิวเพื่อวัตถุประสงค์ทำความสะอาด และขจัดเซลล์ผิวเก่าบนชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte) ให้หลุดออกไป เพื่อเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม เพราะเมื่อผิวหนังชั้นใหม่ขึ้นมาแทนที่ ผิวหน้าก็จะดูกระจ่างใส และเนียนนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม
การสครับสมารถทำได้ง่ายๆ และช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ลดปัญหาสิวที่เกิดจากสิ่งสกปรกที่บนใบหน้าหรือผิวเราได้ ซึ่งมีทั้งแบบธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่ายที่บ้าน หรือสังเคราะห์
สครับจากธรรมชาติ : ส่วนมากจะได้จากเมล็ดจากพืช เช่น Apricot ,Walnut,กากกาแฟ เป็นต้น สครับแบบนี้จะทำให้บาดผิวเล็กน้อย เพราะเม็ดสครับจะค่อนข้างหยาบ รูปร่างไม่แน่นอน แต่ก็สามารถสครับได้ดีเช่นกัน เนื่องจากเม็ดสครับมีรูปร่างที่แตกต่างกันจึงทำให้ประสิทธิภาพในการขัดดียิ่งขึ้น การระคายเคืองน้อยมาก
สครับแบบสังเคราห์ : คือเม็ดสครับที่ทำมาจากพลาสติก หรือที่เรียกว่าไมโครบีท สามารถเลือกได้ตั้งแต่หยาบไปถึงละเอียด คุณภาพของเม็ดสครับมีความแตกต่างกันออกไป เม็ดสครับแบบสังเคราะห์จะมีลักษณะที่กลมและที่สำคัญคือก่อให้การระคายเคืองได้มากกว่า เนื่องจากเม็ดสครับเคลือบสารหรือน้ำมันไว้ ผู้ใช้อาจเกิดการแพ้ได้
การเลือกสครับให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า
1. ผิวมัน
สำหรับคนที่เป็นผิวมัน ใบหน้ามีการผลิตทั้งเหงื่อ และไขมันออกมาเป็นจำนวนมาก สามารถทำการสครับหน้าได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่การขัดถูมากๆ จะยิ่งทำให้รูขุมขนกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ใบหน้ามันมากยิ่งขึ้น หากต้องการทำการสครับใบหน้า ควรพยายามหลีกเลี่ยงในบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง
2. ผิวแห้ง
สำหรับผิวแห้ง ควรทำการสครับหน้าเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว เพราะการสครับหน้าจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้นไปอีก
3. ผิวที่เป็นสิว
ควรหลีกเลี่ยงการสครับในบริเวณที่เป็นสิว เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบขึ้นได้ และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สครับที่มีกรดธรรมชาติสูงๆ เช่น กรด AHA และ BHA เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ หรือทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
4. ผิวแพ้ง่าย
สำหรับคนที่เป็นผิวแพ้ง่ายไม่ควรทำการสครับหน้าบ่อย เพราะอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย และก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ หรือส่วนผสมในการทำสครับจากธรรมชาติ ควรทดลองนำไปใช้กับส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น หลังมือ หลังหู ใต้ท้องแขน เป็นต้น ก่อนนำไปใช้กับใบหน้า เพื่อตรวจสอบดูว่าเกิดอาการแพ้ของผิวขึ้นหรือไม่
ระยะเวลาในการสครับผิวที่เหมาะสม
การสครับหน้านั้น มีวิธีการใช้ที่ถูกต้องอยู่ ถ้าหากใช้ไม่ดี การสครับอาจจะกลายมาเป็นดาบสองคมที่จะทำลายผิวหน้าได้อย่างง่ายๆ เช่นเดียวกัน โดยความถี่ที่เหมาะสมในการขัดหน้า คือ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว นอกจากนี้การทิ้งระยะเวลาในการขัดหน้าจะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทนแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขัดออกไป ดังนั้นถ้าหากฝืนทำการขัดหน้าบ่อยๆ แทนที่จะทำให้หน้าใส กลับเป็นการรบกวนผิว ทำให้ใบหน้าแห้งกรัง เกิดสิว แถมริ้วรอยยังมาเยือนอีกต่างหาก
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขัดผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะหลังจากที่เราทำการขัดผิวหน้าเสร็จแล้ว ในขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหน้าจะได้ทำการซ่อมแซม ฟื้นฟู จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการขัดหน้า
ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้าเมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่มีแสงแดดจัด เช่น ชายทะเล เป็นต้น ไม่ควรทำการขัดผิวหน้า อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนไปในบริเวณที่มีแสงแดดมาก เพราะการขัดผิวหน้าทำให้ผิวหน้าบางลง ผิวหน้าจึงมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นตามไปด้วย
สครับที่นิยมใช้โดยทั่วไปก็จะได้แก่ สครับน้ำตาลทราย สครับเกลือ สครัปกากกาแฟ เป็นต้น เนื่องจากหาได้ง่ายแล้วยังเกิดการแพ้ได้น้อยมาก แล้วนำมาผสมกับน้ำมันต่างๆเพื่อลดการบาดผิวของเม็ดสครับ น้ำมันที่นิยมใช้ได้แก่ น้ำมันเมล็ดอัลล์มอนต์ และโจโจบาออย์ เป็นต้น เพราะมีความนุ่มชุ่มชื่น ทำให้ผิวไม่แห้งตึงมากเกินไป
รับสิทธิพิเศษเมื่อสั่งสินค้าทางไลน์ จำนวนจำกัด รีบๆ กันหน่อยน่ะค่ะ