การทาลิปสติกเพียงแท่งเดียวช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีสีสันขึ้นมาได้ แม้ไม่ได้แต่งแต้มส่วนอื่นๆเลยก็ตาม แต่มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่สีของลิปสติกมักจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วทั้งๆที่เมคอัพส่วนอื่นยังคงอยู่ ซึ่งการเติมลิปสติกอยู่บ่อยๆนั่นอาจไม่สะดวกสำหรับบางคนหรือบางช่วงเวลาสักเท่าไร มีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้ลิปสติกติดทนนาน
- เตรียมความพร้อมให้ริมฝีปากด้วยการสครับ
ริมฝีปากก็ต้องการการบำรุงไม่ต่างจากผิวหน้า ริมฝีปากที่เรียบเนียนช่วยให้ลิปสติกที่ทาลงไปนั่นดูเนียนแนบสนิท หากต้องการความเนียนนุ่มนั่นสามารถทำการสครับบริเวณริมฝีปากด้วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ หรือสามารถทำเองง่ายๆได้ที่บ้าน ซึ่งส่วนผสมหลักๆที่ใช้คือน้ำตาล จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกไปอย่างอ่อนโยน หากสครับเป็นประจำสามารถลดความหมองคล้ำของริมฝีปากได้
- เติมเต็มความชุ่มชื่นด้วยลิปบาล์ม
ขั้นตอนสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยในการบำรุงริมฝีปากที่สามารถทำได้ทุกวันและบ่อยครั้งตามที่ต้องการ ริมฝีปากที่นุ่มชุ่มชื่นช่วยให้การทาลิปง่ายขึ้นไม่ตกร่อง สำหรับการแต่งหน้านั้นแนะนำว่าควรทาลิปบาล์มเป็นขั้นตอนแรกเพื่อให้เวลาในการบำรุงได้อย่างเต็มที่ สามารถทาได้เยอะตามต้องการ แล้วค่อยซับออกก่อนการทาลิปสติกตามปกติ
- ลงรองพื้นให้ริมฝีปาก
วิธีนี้จะทำให้สีของลิปสติกที่อยู่บนปากใกล้เคียงกับสีลิปสติกมากที่สุด และเป็นการช่วยกลบริมฝีปากที่คล้ำได้อย่างเนียนสนิท ควรใช้คอนซีลเลอร์สีเนื้อค่อยๆแตะอย่างเบามือไปทั่วทั้งปาก ไม่ควรใช้การปาดไปมาเพราะจะทำให้เกิดคราบแลดูไม่เรียบเนียน เป็นเทคนิคที่คล้ายกับการลงรองพื้นบนใบหน้านั่นเอง
- ใช้ดินสอเขียนของปาก
Lip Liner หรือดินสอเขียนขอบปากนั้น สาวๆบางคนอาจไม่เห็นความสำคัญแต่นี่จะช่วยให้การทาลิปสติกแตกต่างไปจากเดิม ด้วยเม็ดสีที่ชัดเจน อยู่ในรูปแบบแท่งเนื้อนุ่มเขียนง่ายแล้วยังสามารถวาดรูปทรงริมฝีปากได้ตามที่ต้องการ ช่วยให้มองเห็นเส้นขอบริมฝีปากชัดเจน ซึ่งเหมาะมากสำหรับการทาลิปสติกสีแดงหรือสีเข้มที่ต้องมีการเก็บรายละเอียดให้ออกมาดูสวยคมชัดและไม่เลอะขอบปาก การใช้ลิปไลเนอร์นั้นเปรียบเสมือนฐานสำหรับการลงลิปสติกที่ช่วยให้ติดทนนานกว่าเดิมอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องทางเฉพาะขอบเท่านั้นแต่สามารถทาได้ทั่วทั้งปากเพื่อให้ได้สีที่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอ
- เลือกใช้ลิปสติกเนื้อแมทต์
เนื้อของลิปสติกส่งผลโดยตรงในเรื่องของความติดทนนาน เนื้อกลอสฉ่ำวาวแม้จะให้ความชุ่มชื่นมากกว่าแต่หลุดออกได้ง่ายกว่า ส่วนเนื้อครีมที่ทาได้นุ่มเนียนนั้นติดทนนานไม่เท่าเนื้อแมทต์ที่ได้ชื่อเรื่องความคงทน แต่มีข้อจำกัดตรงที่เนื้อแมทต์อาจไม่เหมาะสำหรับริมฝีปากที่แห้งแตก ลอกเป็นขุย จึงต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องการบำรุงอย่างเข้มข้น บางแบรนด์ให้ความรู้สึกที่แห้งเกินไป จนแทบจะขยับริมฝีปากไม่ได้ หรือรู้สึกเหมือนไม่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะมีเนื้อแมทต์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนทาลิปสติกเนื้อครีม แต่ยังคงให้สีที่ชัดเจนและให้ลุคที่ดูเนียนดุจกำมะหยี่
- แป้งฝุ่นโปร่งแสงเป็นอีกตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม
หากไม่มีลิปสติกเนื้อแมทต์ก้ไม่ต้องกังวลไป อย่างที่รู้กันว่าเครื่องสำอางเปรียบเหมือนเวทมนตร์ แป้งฝุ่นโปร่งแสงที่ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้าทำหน้าที่ได้ดีบนริมฝีปากไม่แพ้กัน เทคนิคง่ายๆคือ หลังจากทาลิปสติกแล้วให้ซับเบาๆด้วยกระดาษทิชชู่ จากนั้นใช้พัฟหรือแปรงแตะแป้งฝุ่นทับลงไปบนกระดาษเพื่อเป็นการเซ็ทลิปสติกที่ทาไว้ แล้วตามด้วยการทาลิปสติกทับลงไปอีกรอบหนึ่ง หรืออาจทำซ้ำอีกครั้งถ้าต้องการความเข้ม
สีของลิปสติกสามารถเปลี่ยนลุคและช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับการแต่งหน้าได้ สำหรับ 6 ขั้นตอนที่นำมาฝากนี้จะทำให้การทาลิปสติกเป็นเรื่องสนุกและน็น้็้ไม่ยากอีกต่อไป แถมยังติดทนนานไม่ต้องคอยกังวลหรือเสียเวลาเติมอยู่บ่อยๆ และที่สำคัญคือแต่ต้องไม่ลืมที่จะเช็ดทำความสะอาดอย่างหมดจดทุกครั้ง เพราะอาจเกิดการตกค้างที่ทำให้ริมฝีปากดำคล้ำได้เช่นกัน