สำหรับสาวๆ เรื่องของการรักษาความสะอาดของจุดซ่อนเร้นสำคัญมาก บางคนนั้นก็พยายามสรรหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดดีๆมาเพื่อล้างจิมิ แต่ก็ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ดี ไม่ว่าจะหลังจากมีประจำเดือน หรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งกลิ่นที่ไม่พึงแประสงค์ก็มีอยู่หลายลักษณะและก็เกิดจากหลายสาเหตุด้วย วันนี้เราจะมาหาวิธีแก้ไขกลิ่นอับของจิมิกัน
กลิ่นของน้องสาวที่เรามักเจอบ่อยๆก็คือ กลิ่นคาว โดยกลิ่นที่รุนแรงก็คงจะมาจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด รวมทั้งการเสียสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด และการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ก็อาจจะทำให้เกิดตกขาวสีขาวและเทาและมีกลิ่นคาว ซึ่งสามารถใช้ยาปฏิชีวนะทางการแพทย์แก้ได้
กลิ่นแบบโลหะนั้นจะพบในช่วงหลังมีประจำเดือนหรือเพศสัมพันธ์มากที่สุด ซึ่งจะเป็นกลิ่นแบบชั่วคราวแต่ถ้ามีกลิ่นนี้อยู่ทั้งๆที่รอบเดือนหมดไปนานแล้ว หรือว่าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใคร ก็ควรไปพบแพทย์ดีกว่า
กลิ่นขนมฟังกลิ่นยีสต์ก็คือ จะมีตกขาวเหนียวๆหรืออาจจะเกิดอาการคันบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร
กลิ่นในช่องคลอดอาจจะเกิดจากเหงื่อที่ออกมากเกินไป หรือจากการที่คุณล้างสบู่อ่อนๆ แล้วใส่กางเกงที่แน่นเกินไป ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้มีผลอะไรกับทางการแพทย์เท่าไร
กลิ่นเน่า เหมือนถังขยะอาจจะเกิดจากการที่คุณใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแต่ผิดวิธี อาจจะฝังตัวอยู่ส่วนบนของช่องคลอดได้ หรืออาจมาสาเหตุอื่นจึงควรไปพบแพทย์โดยตรง เพื่อทำการวินิจฉัยจะดีที่สุด
ส่วนใหญ่แล้วจิมิของเราจะมี 5 กลิ่นนี่แหละ บางกลิ่นก็เป็นกลิ่นธรรมชาติไม่ใช่กลิ่นร้ายแรงอะไร แต่บางกลิ่นก็ต้องรีบไปพบแพทย์ในทันที แต่ว่าหากคุณนั้นต้องการจะลดกลิ่นอับของจิมิก็แค่ อย่าโกนขนที่จิมิจนหมด เพราะว่า จะช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอด ช่วยลดแรงเสียดสีเวลามีเพศสัมพันธ์และปรับอุณหภูมิด้วย ไม่ควรใส่ยีนส์ที่คับเกินไปเพราะว่าจะทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นที่จิมิได้ และอาจเกิดเชื้อราตามมาได้ด้วย และหากเราต้องการเช็ดทำความสะอาดก็ไม่ควรเช็ดจากทวารหนักมาข้างหน้าเพราะว่าอาจติดเชื้อจากทวารหนักได้ เมื่อเชื้อโรคได้แป้งจากช่องคลอดเป็นอาหารก็จะยิ่งเติบโตขึ้น ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นบูดได้ ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เพราะว่า อาจจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อช่องคลอดของเราได้ ทำให้มีกลิ่นมากกว่าเดิม และลดละเลิกกินยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแลคโตบาสิลัส ไม่อย่างนั้นจะทำให้จิมิของเราเกิดตกขาว หรือมีกลิ่น เป็นต้น และควรตากกางเกงในในที่ที่แสงแดดส่องถึงเพื่อลดกลิ่นอับด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีลดความอับของจิมิ ที่คุณเองก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ว่าหากคุณทำทุกวิธีแล้ว ยังคงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ก็ควรจะพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อดูแลรักษาจะดีกว่า และจะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย รับรองว่า กลิ่นอับของจิมิจะหายไปแน่นอน