เจ้าของแบรนด์หลายแบรนด์คิดว่า การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ จะทำให้ลูกค้าสนใจ ทำให้ขายได้ และมาเป็นลูกค้าประจำ จึงมักจะทุ่มงบประมาณไปที่การผลิต จนทำให้ไม่มีงบทางการตลาดเลย ซึ่งในยุคที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ คุณภาพคือคำตอบที่ถูกต้องแต่ไม่ใช่คำตอบเดียวค่ะ ที่จะทำให้แบรนด์คุณอยู่รอดต่อไปได้
ไปดูตัวอย่างกันค่ะ
- การทุ่มเงินส่วนใหญ่ไปกับผลิต ด้วยเจ้าของแบรนด์หวังว่าจะตีตลาดให้มีมีความแปลกใหม่ และดูมีรสนิยม ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายจริงๆที่ลูกค้ามาซื้อสินค้าคืออะไร คุณทุ่มเทขนาดไหนที่กว่าจะผลิตสินค้าออกมาคุณภาพดีขนาดนี้แล้ว แต่พอผลิตสินค้าออกมาแล้วกลับไม่มีเงินเหลือไปทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้ามารับรู้ผลิตภัณฑ์ของคุณ ดังนั้น ควรจัดสรรงบประมาณสำหรับการทำการตลาดด้วยนะคะ จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราผลิตสินค้าดีดีออกมาแต่ลูกค้าไม่รู้
- การทุ่มเงินไปกับการออกแบบแพคเกจให้มีความหรูหรา แปลกตา เพื่อหวังว่าจะทำให้สินค้ามีความโดดเด่น ลูกค้าจดจำได้ง่าย แต่คุณลองมองดูผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ดังๆ หรือแบรนด์ที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า แพคเกจก็ยังคงเป็นรูปแบบธรรมดา แต่ทำไมถึงเป็นที่ต้องการของลูกค้า เพราะเขามีงบด้านการตลาดไงคะ ที่จะดึงให้ลูกค้ามาซื้อสินค้ามากว่าการทุ่มเงินไปกับแพคเกจอย่างเดียว
- การทุ่มเงินไปกับการกระจายสินค้าตามช่องทางต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่มันจะไม่เห็นผลเลยถ้าขาดการทำการตลาดให้ลูกค้ารับรู้ว่าสินค้าของคุณอยุ่ตรงไหนบ้าง และถึงสินค้าของคุณจะอยู่ทุกมุมของประเทศ แต่เมื่อลูกค้าไม่รู้จักก็ยากที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ
ตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นนั้น ทำให้รู้ว่าการตลาดสำคัญพอๆกับคุณภาพของสินค้าและการกระจายสินค้า เพราะการตลาดทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงเป็นที่รุ้จัก เวลานำเสนอสินค้าลูกค้าก็จำจดจำได้ง่าย ส่งผลถึงความมั่นใจ และการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย
เพราะการตลาด คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ แบรนด์ สินค้า และสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ให้มีความโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับและสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกค้าในระดับจิตใต้สำนึก
และ การตลาด คือ การทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านระบบการทำการตลาด เช่น โปรโมชั่น กิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
แต่ก่อนการลงงบการตลาด เราต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็งของสินค้า เราก่อน แล้วนำเอาจุดแข็งมาทำการตลาด เพื่อให้ลูกค้าสนใจ และเชื่อมั่น ส่วนจุดอ่อนเราต้องป้องกันไม่ให้คู่แข่งโจมตี ด้วยการปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ การเลือกสื่อทางการตลาดให้ตรงกับยุคสมัย ซึ่งยุคนี้เป็นยุคออนไลน์ ที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนมาซื้อของผ่านออนไลน์กันเยอะขึ้น เพราะฉะนั้น การทำการตลาด ก็ควรทำหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์ หรือออนไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์ควรมีสื่อที่ทำให้ลูกค้าสนใจ ซึ่ง ภาพ วีดิโอ เป็นสื่อที่ทำให้ลูกค้าสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน ทางร้านหรือเจ้าของแบรนด์ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำสื่อพวกนี้ จะทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพสุงขึ้น
แต่ถึงอย่างไร กลยุทธ์ทางการตลาดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เจ้าของแบรนด์ก็ควรปรับตัวให้ทันเพื่อที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง