เมื่อพูดถึงแผลเป็นแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งแผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาแผลที่เกิดจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ จึงมีการสร้างเนื้อเยื่อซึ่งเป็นคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป เป็นการสมานรักษาแผลตามธรรมชาติ เมื่อแผลหายดีแล้ว มักมีรอยแผลเป็นไว้ให้เราดูต่างหน้า ซึ่งแผลที่มักทำให้เกิดรอยแผลเป็น ได้แก่ แผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม แผลสิว แผบผ่าคลอด แผลจากรอยสัก น้ำร้อนลวก เป็นต้น
วิธีแก้ไขปัญหารอยแผลคีลอยด์ (แผลเป็นนูน)
แผลเป็นคีลอยด์ เป็นแผลเป็นที่โตนูนและขยายใหญ่เกินขอบเขตของแผลเดิมไปมาก มีลักษณะนูน แข็ง หรือหยุ่นคล้ายยาง ผิวมัน มองเห็นได้ชัดเจนจากผิวหนังปกติ มีสีแดงเนื่องจากมีเส้นเลือดมาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก แผลเป็นคีลอยด์อาจมีอาการเจ็บ คัน ร่วมด้วย เวลากดอาจจะเจ็บ ก้อนเนื้ออาจจะค่อย ๆ โตหรือคงที่แต่จะใหญ่กว่าแผลเดิม การเกิดคีลอยด์ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคนและจากกรรมพันธุ์ แผลที่มีการอักเสบมากจะมีโอกาสเกิดแผลเป็นมากขึ้น การแคะแกะเกาที่รุนแรงจะทำให้แผลติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดแผลคีลอยด์ได้เช่นกัน ต่อไปเรามาเข้าสู่วิธีการรักษาแผลเป็นคีลอยด์กันเลยดีกว่า
1.ปล่อยให้แผลเป็นจางหายเองตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปแผลเป็นจะหดและจางได้เองในระดับหนึ่ง ศัลยแพทย์มักแนะนำให้ทิ้งไว้เฉย ๆ สัก 1 ปี จนแผลจางลงเต็มที่ก่อนจึงทำการรักษา
2.การใช้แผ่นเทปเหนียว หรือว่า microporous tape สามารถทดแทนได้เช่นเดียวกัน คุณสามารถปิดแผ่นเทปเหนียวนี้ลงบนบาดแผลได้โดยตรง จะทำให้ผิวหนังบริเวณนี้มีความชุ่มชื้นการอักเสบลดน้อยลง
3.ใช้แผ่นเจลซิลิโคน ซึ่งเป็นแผ่นเจลใส ๆ ทำมาจากซิลิโคนปิดไว้บนบาดแผลหลังจากที่บาดแผลหายดีแล้วประมาณ 7 วัน ควรปิดตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน จะทำให้บริเวณผิวหนังมีความชุ่มชื้นลดการอักเสบได้ แผ่นเจลซิลิโคนนี้สามารถนำมาล้างทำความสะอาด โดยใช้สบู่ฟอกแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผึ่งให้แห้ง ใช้ปิดแผลเป็นจนกว่าจะปิดไม่อยู่ สามารถใช้ได้นาน 14-28 วัน
4.ฉีดยาด้วยยาสเตียรอยด์ จะช่วยลดการอักเสบของการเกิดแผลคีลอยด์ได้ ยาฉีดเฉพาะที่ Triamcinolone acetonide สามารถลดการอักเสบได้ โดยการฉีดยาเข้าไปในแผลเป็นโดยตรง ระหว่างฉีดยาจะรู้สึกเจ็บ แนะนำให้ฉีดแผลเป็นนี้ในช่วงระยะไม่เกิน 1 ปีแรกหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ แพทย์จะนัดมาฉีดเดือนละครั้ง ความถี่ในการฉีดจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยา
สำหรับคนที่เป็นแผลคีลอยด์ ต้องพิจารณาการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่อย่างนั้นแผลอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมได้ โดยปกติแล้วแผลเป็นสามารถป้องกันได้ ด้วยการดูแลรักษาทำความสะอาดแผลอย่างเหมาะสม เพื่อให้แผลหายเร็วที่สุด เพราะถ้าแผลหายเร็วโอกาสเกิดแผลเป็นก็น้อยหรือเบาบางลงนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการหายของแผล เช่น การสูบบุหรี่ อุณหภูมิ ความชื้น ความเป็นกรดด่างและออกซิเจน ซึ่งพบว่าแผลจะหายดีในที่มีอุณหภูมิอบอุ่นมากกว่าอากาศเย็น จากวิธีแก้ปัญหารอยแผลคีรอยด์ เชื่อว่าจะทำให้หลายคนคลายความกังวลใจว่ามีหนทางทำให้แผลคีรอยด์บรรเทาหรือหายไปได้ แต่อย่างไรก็ตามการระมัดระวังตัวเองไม่ให้เป็นแผลเช่นระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุก็ช่วยให้เราพ้นจากการเป็นแผลคีรอยด์แบบง่าย ๆ เลยล่ะ