“ทำไมพ่อถึงไม่เข้าใจในตัวผมเลย” อาจเป็นคำถามที่ลูกสงสัยในตัวคุณพ่อ จริงอยู่พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูกและปรารถนาให้ลูกเป็นคนดีและประสบความสำเร็จ ถ้าลูกยังอยู่ในวัยเรียนก็อยากให้ลูกมีผลการเรียนที่ออกมาดีน่าชื่นชม และระหว่างทางไปถึงอาจมีปัญหาอุปสรรคมากมาย ทำให้เส้นทางนี้อาจทำให้พ่อกับลูกไม่เข้าใจกันได้ วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาการที่ลูกมักคิดว่าทำไมพ่อถึงไม่เข้าใจในตัวลูกมาฝากกัน
1.หมั่นชื่นชมในความสำเร็จของลูกเสมอ
ลูกอาจจะไม่เข้าใจพ่อว่าทำไมเขานำผลงานความสำเร็จมาให้แต่ทำไมพอถึงชื่นชมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และคุณพ่อก็ลืมไปเลยไม่ได้นำกลับมาชื่นชมอีก การทำความดีของลูกอาจใช้ระยะเวลานาน ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูกของคุณประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง แต่การแสดงความยินดีของคุณอาจใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้เด็กมีความรู้สึกไม่ภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้มา ทางแก้คือหมั่นชื่นชมผลงานของลูกเสมอ ถึงแม้จะผ่านมาแล้วก็ตามสามารถยกตัวอย่างให้ลูกได้ว่าพ่อมีความเอาใจใส่ทำให้เด็กอยากจะทำความดีมาอวดเสมอ
2.ให้เด็กพูดหรือแสดงความคิดเห็น
หลายครั้งเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม คุณพ่อมักแสดงความไม่พอใจเมื่อลูกประพฤติไม่ดีและไม่เปิดโอกาสให้ลูกพูดหรือแสดงความคิดเห็น กลับใช้อารมณ์ใส่ลูก ในทางกลับกันลูกไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจออกมาได้เมื่อผู้เป็นพ่อประพฤติผิด ถ้าลูกแสดงอาการออกมาก็จะถูกว่า ถูกดุ ว่าทำตัวไม่เหมาะสม เหตุผลที่คุณพ่อดุลูกที่แสดงอาการอย่างนั้น ก็เนื่องจากในใจส่วนลึก ผู้ใหญ่ไม่ชอบให้เด็กมาติเตียนแสดงอาการไม่พอใจใส่ เด็กก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกันแต่เด็กห้ามทำ ดังนั้น คุณต้องมีเหตุผลให้เด็กว่าทำไมลูกถึงทำไม่ได้ และเปิดโอกาสให้เด็กพูดให้เด็กแสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้น ๆ ด้วย ลูกจะได้เข้าใจในสิ่งที่พ่อทำและพ่อจะเข้าใจลูกด้วยเช่นกัน
3.ไม่นำเรื่องเก่า ๆ มาพูดหรือนำมาว่ากล่าวซ้ำ
ปกติเวลาลูกทำความผิดอะไรสักอย่าง คุณพ่อส่วนใหญ่จะไม่ดุเฉพาะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเรื่องที่ลูกทำผิดนั้น แต่กลับใส่อารมณ์มากขึ้นด้วยการรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ที่เด็กเคยทำผิดมาต่อว่าซ้ำ ๆ คุณพ่อมักจะหยุดก็ต่อเมื่อลูกรู้สึกเสียใจ ถ้าลูกยังแสดงอาการเฉย ๆ หรือต่อต้านก็ไม่มีทางที่จะหยุดง่าย ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งการที่พ่อทำเช่นนี้ย่อมทำให้ลูกเกิดความรู้สึกเจ็บใจ โกรธ แต่จะให้สำนึกคงไม่สำนึกอย่างแน่นอน ดังนั้น คุณพ่อควรอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความผิดซึ่งหน้าและให้จบลงตรงนั้น มิควรซ้ำเติมลูกโดยการนำเรื่องเก่าที่ลูกเคยทำผิดมาต่อว่าผสมรวมกัน ซึ่งแทนที่ลูกจะเข้าใจกับไม่เข้าใจและต่อต้านพ่อยิ่งขึ้น
4.ไม่เปิดเผยความลับของลูกแก่คนอื่น
เด็กมีอารมณ์ความรู้สึกและบางเรื่องเด็กไม่อยากให้เปิดเผยความลับของตนให้ใครฟัง แต่ถ้าคุณพ่อเผลอไปทำเช่นนั้น ย่อมกระทบต่อความรู้สึกของลูก อาจทำให้ลูกอายเพื่อน ๆ อายคุณครู เกิดปัญหาอื่นตามมา และจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจและไม่เชื่อใจพอในเวลาต่อมา ดังนั้น คุณพ่อควรพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป สิ่งใดที่จะกระทบต่อจิตใจลูกก็เลือกที่จะไม่เผยความลับของลูกแก่คนอื่นจะเป็นการดีกว่า
การแก้ปัญหาที่ลูกมักคิดว่าพ่อไม่เข้าใจลูกนั้น สามารถแก้ได้หากเราใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น หมั่นพูดคุยกับลูกไม่ปล่อยให้ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวต้องไปปรึกษาคนอื่น เมื่อทำความเข้าใจกันได้แล้ว พ่ออาจกลายเป็นคนที่ลูกไว้วางใจในทุกเรื่องได้